
ไวรัสอีโบลาเป็นต้นเหตุของโรคในกลุ่มอาการไข้เลือดออก เชื้อไวรัสชนิดนี้สามารถแพร่กระจายได้ทั้งในคนและสัตว์ เช่น ลิงชิมแปนซี
คุณสามารถอ่านข้อมูลเกี่ยวกับสาเหตุและอาการของโรคจากเชื้อไวรัสอีโบลา รวมไปถึงวิธีการป้องกัน
การแพร่กระจายของเชื้อไวรัสอีโบลาได้ข้างล่างนี้
ข้อมูลทั้งหมดรวบรวมมาจาก World Health Organization และ Centers for Disease Control and Prevention (CDC)
Causes
โรคอีโบลาเกิดมาจากการติดเชื่อไวรัสอีโบลา ซึ่งสามารถแบ่งได้เป็น 4 สายพันธุ์ที่ทำให้เกิดอันตราย
ต่อสุขภาพของมนุษย์ ทุกสายพันธุ์ต่างมีต้นกำเนิดในทวีปแอฟริกา
ลักษณะการติดต่อของเชื้อไวรัสอีโบลา มีดังนี้
- การสัมผัสโดยตรงกับสัตว์ที่ติดเชื้อ ไม่ว่าทางเลือด สารคัดหลั่ง หรือผ่านทางการรับประทานเนื้อสัตว์ป่าที่ไม่ผ่านการปรุงสุก
- การสัมผัสโดยตรงกับเลือด ของเหลว สารคัดหลั่ง (อุจจาระ ปัสสาวะ อาเจียน น้ำลาย หรือน้ำเชื้อ)
ของผู้ป่วยด้วยโรคอีโบลา ผู้ที่ได้รับเชื้อจะยังไม่สามารถแพร่กระจายเชื้อไปยังผู้อื่นได้หากยังไม่แสดงอาการ - การสัมผัสโดยตรงกับอวัยวะหรือร่างกายของผู้ที่เสียชีวิตจากโรคอีโบลา
การติดเชื้อไวรัสอีโบลาจะเกิดขึ้นผ่านทางผิวหนังเปิดหรือผ่านเยื่อบุผิวตรงดวงตา จมูก หรือปาก
แม้แต่ผู้ที่มีสุขภาพร่างกายแข็งแรง ถ้าหากมีการสัมผัสกับเชื้อไวรัสอีโบลาในลักษณะที่กล่าวมา
หรืออยู่ในสถานที่ที่มีการแพร่กระจายของเชื้อโรคจากผู้ป่วยด้วยโรคอีโบลา ไม่ว่าจะเป็น เสื้อผ้า ผ้าปูเตียง
หรือเข็มฉีดยา ก็สามารถเกิดการติดเชื้อได้
โรคไวรัสอีโบลาไม่แพร่กระจายในอากาศหรือทางน้ำ
Symptoms
อาการของโรคไวรัสอีโบลาสามารถแสดงอาการได้ในระยะเวลา 2 ถึง 21 วัน หลังการสัมผัสกับเชื้อ
ไวรัสอีโบลา โดยทั่วไปมักจะพบผู้ป่วยแสดงอาการภายใน 8-10 วัน
อาการมีดังนี้
- มีไข้สูง
- ปวดศีรษะอย่างรุนแรง
- เหนื่อยล้า
- ปวดข้อและปวดกล้ามเนื้อ
- เจ็บคอ
- อ่อนแอ
- ท้องเสีย
- อาเจียน
- ปวดท้อง
- ไม่อยากอาหาร
- มีเลือดออกโดยไม่ทราบสาเหตุ หรือมีรอยช้ำ
อาการเบื้องต้นของโรคไวรัสอีโบลาจะแสดงอาการใกล้เคียงกับโรคไข้หวัดใหญ่ (มีไข้ขึ้นสูง ปวดกล้ามเนื้อ เหนื่อยล้า เจ็บคอ) ดังนั้นผู้ป่วยจึงมักสับสนอาการป่วยด้วยโรคไข้หวัดใหญ่และโรคอีโบลา
ทั้งนี้ โรคไข้หวัดใหญ่มักจะมีอการน้ำมูกไหล ไอ จาม ร่วมด้วย แต่อาการของโรคอีโบลามักจะรวมถึงอาการปวดท้อง อาเจียน ท้องเสีย และอาการเลือดไหลโดยไม่ทราบสาเหตุหรือมีรอยช้ำ
คุณสามารถติดต่อกับหน่วยงานสาธารณสุขหรือผู้เชี่ยวชาญทางด้านสุขภาพเพื่อให้คำแนะนำเพิ่มเติมได้
Prevention Tips
เคล็ดลับการป้องกันโรคอีโบลา
ถ้าคุณต้องเดินทางไปในพื้นที่ที่มีการแพร่ระบาดของไวรัสอีโบลา คุณสามารถป้องกันการติดเชื้อได้ดังนี้
- ล้างมือบ่อยๆด้วยสบู่และน้ำ
- หลีกเลี่ยงการสัมผัสกับของเหลวหรือเลือดของคนอื่นๆ โดยเฉพาะผู้ป่วย
- หลีกเลี่ยงการสัมผัสกับสิ่งของที่อาจติดเชื่อจากของเหลวหรือเลือดของผู้ป่วย
- หลีกเลี่ยงการสัมผัสร่างการของผู้เสียชีวิตจากโรคอีโบลา
- หลีกเลี่ยงการสัมผัสกับสัตว์ หรือของเหลวจากสัตว์ เช่น ค้างคาว และหลีกเลี่ยงการรับประทานเนื้อสัตว์ดิบๆ
- หลีกเลี่ยงการไปโรงพยาบาลที่มีผู้ป่วยด้วยโรคอีโบลา ยกเว้นคุณสงสัยว่าตัวเองอาจได้รับเชื้อ
- หากคุณมีอาการเป็นไข้หรือสัญญาณของโรคอีโบลาอื่นๆ (ปวดหัว ปวดกล้ามเนื้อ ท้องเสีย อาเจียน ปวดท้อง หรือมีอาการเลือดออกโดยไม่ทราบสาเหตุหรือมีรอยช้ำ) คุณต้องพบแพทย์โดยเร็วที่สุด
- หลีกเลี่ยงการติดต่อกับบุคคลอื่นจนกว่าคุณจะได้รับการดูแลโดยแพทย์ หลีกเลี่ยงการไปยังสถานที่สธารณะยกเว้นสถานพยาบาล
หากคุณอาศัยอยู่ในสถานที่ที่ยังไม่มีการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสอีโบลา คุณสามารถปกป้องรักษาสุขภาพร่างกายของตนเองและครอบครัว รวมไปถึงสังคมรอบข้าง ได้ด้วยการไปพบแพทย์หรือสถานพยาบาลโดยทันทีถ้าหากคุณมีอาการที่แสดงถึงสัญญาณของโรคไวรัสอีโบลา
Frequently Asked Questions
ผลิตภัณฑ์เดทตอลสามารถฆ่าเชื้อไวรัสอีโบลาได้หรือไม่
ผลิตภัณฑ์เดทตอลได้รับการทดสอบแล้วว่าสามารถยับยั้งการสะสมของเชื้อไวรัสซึ่งมีโครงสร้างใกล้เคียงกับเชื้อไวรัสอีโบลา แต่อย่างไรก็ตามผลิตภัณฑ์เดทตอลยังไม่ได้รับการทดสอบกับเชื้อไวรัสอีโบลาโดยเฉพาะ เนื่องจากไวรัสอีโบลาจัดอยู่ในกลุ่มไวรัสที่เป็นอันตรายอย่างรุนแรง ดังนั้นจึงมีห้องปฏิบัติการที่รองรับการทดสอบเชื้อไวรัสอีโบลาอยู่ในจำนวนจำกัด ซึ่งสิ่งสำคัญที่สุดในขณะนี้คือการพัฒนาวัคซีน
ข้อแนะนำทางการแพทย์ที่สำคัญคือเมื่อคุณสงสัยว่าตนเองอาจได้รับเชื้อไวรัสอีโบลา คุณควรได้รับการรักษาโดยเร็วที่สุด
ฉันจะรู้ได้อย่างไรว่าฉันมีอาการเป็นโรคไข้หวัดใหญ่หรือเป็นอาการของโรคโรคอีโบลา
คุณจะสามารถติดเชื้อไวรัสอีโบลาต่อเมื่อคุณมีการสัมผัส ติดต่อโดยตรงจากผู้ป่วยอีโบลาที่แสดงอาการแล้วเท่านั้น ดังนั้น ถ้าหากคุณไม่มีเหตุการณ์ดังกล่าว คุณจึงอาจไม่ใช่ผู้ที่ได้รับเชื้อไวรัสอีโบลา โดยอาจจะเป็นอาการของโรคไข้หวัดใหญ่ หรือโรคอื่นๆ
อาการของโรคไข้หวัดใหญ่จะเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วภายใน 2 วันหลังจากได้รับการติดต่อ อาการอย่างเช่น มีไข้สูง ปวดหัว ปวดกล้ามเนื้อ เหนื่อยล้า ไอ เจ็บคอ และน้ำมูกไหล แต่สำหรับอาการเบื้องต้นของโรคอีโบลาถึงแม้จะมีอาการใกล้เคียงกับโรคไข้หวัดใหญ่ แต่เชื้อไวรัสอีโบลาจะใช้ค่อยๆเพาะตัว และแสดงอาการแย่ลงเรื่อยๆ โดยที่จะมีอาการข้างเคียง อย่างเช่น อ่อนล้า ปวดท้อง มีเลือดไหลโดยไม่ทราบสาเหตุ หรือรอยช้ำ ท้องเสีย และอาเจียนร่วมด้วย หลังผ่านไป 3-6 วัน อาการไอหรือน้ำมูกไหลไม่ใช่อาการที่มีสาเหตุมาจากเชื้อไวรัสอีโบลา
เพื่อปกป้องตนเองให้พ้นจากโรคไข้หวัดใหญ่ อาจทำได้ด้วยการได้รับวัคซีนที่เหมาะสม ล้างมืออย่างสม่ำเสมอ และทำความสะอาดฆ่าเชื้อโรคบริเวณที่ต้องสัมผัสบ่อยๆ
ฉันสามารถได้รับเชื้อไวรัสอีโบลาจากผู้ที่ติดเชื้อแต่ยังไม่แสดงอาการได้หรือไม่?
ไม่ติดต่อ ถ้าหากผู้ที่ได้รับเชื้อยังไม่แสดงอาการจะยังไม่สามารถติดต่อไปยังผู้อื่นได้ การติดต่อของเชื้อไวรัสอีโบลาจะเกิดขึ้นเมื่อมีการสัมผัสติดต่อกับผู้ที่แสดงอาการของโรคอีโบลาเท่านั้น
เชื้อไวรัสอีโบลาสามารถแพร่ระบาดผ่านทางอากาศได้หรือไม่
ไม่ โรคอีโบลาไม่สามารถติดต่อได้ผ่านทางระบบหายใจดังเช่นโรคหวัด ดังนั้นจึงไม่สามารถแพร่ระบาดผ่านทางอากาศได้
ฉันสามารถได้รับเชื้อไวรัสอีโบลาจากอาหารหรือน้ำที่มีเชื้อได้หรือไม่
ไม่ ไวรัสอีโบลาไม่ใช่ไวรัสที่แพร่กระจายทางอาหารหรือทางน้ำ
เราสามารถได้รับเชื้อไวรัสอีโบลาจากยุงได้หรือไม่
ไม่ ในปัจจุบันยังไม่พบหลักฐานว่ายุงหรือแมลงอื่นๆสามารถเป็นพาหะนำโรคไวรัสอีโบลาได้ มีเพียงสัตว์บางสายพันธุ์เท่านั้น เช่น ลิง ที่พบว่าสามารถได้รับการติดต่อของเชื้อไวรัสอีโบลาได้